‘Vampire Face Lift’ ทรีตเมนต์เลือดสาด เพื่อผิวสวยดูอ่อนวัย!!

สาวๆที่ชื่นชอบการทำทรีตเมนต์ต่างๆที่คลินิคเสริมความงามคงจะเคยได้ยินเรื่อง Vampire Face Lift หรือการฟื้นฟูเซลล์ใต้ลำคอและหนังหน้าให้กระชับเต่งตึงที่สาวฮอลลีวูดทั้งหลายฮิตนักฮิตหนา แต่ชื่อสยองขวัญน่ากลัวขนาดนี้ สาวๆคงไม่อยากได้ยินกันต่อแน่ๆใช่มั๊ยล่ะ?? ไม่ต้องกลัวไปค่ะ มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นนะ Girlsallaround.com ได้เอาข้อมูลและกรรมวิธีในการดูดเลือดยกกระชับหน้ามาฝากสาวๆแล้ว

 

พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ ผู้ก่อตั้ง Apex Profound Beauty ได้พูดถึงเทคนิคแวมไพร์ เฟส ลิฟต์ ไว้ว่า ““คอนเซ็ปต์คือฟื้นฟูสภาพผิวโดยเอาเลือดจากคนไข้เอง มาปั่นแยก ด้วยกรรมวิธีทาง Biotechnology ขั้นสูง แยกเอาเซลล์ต้นกำเนิดที่มีอยู่ในเลือด ให้ออกมาในรูปของเกล็ดเลือด กระตุ้นให้หลั่งสารที่เรียกว่า โกรธแฟคเตอร์ (Growth factor) ออกมาและนำมาผสมกับสารไฮยา (HA : มาจาก ไฮยาลูรอน Hyaluronic Acid) ที่เป็นสารธรรมชาติของร่างกาย แล้วฉีดเข้าไปในผิวหนังของคนไข้คนนั้น เพื่อกระตุ้นให้สเต็มเซลล์ (Stem Cell) ของคนไข้คนนั้นออกมาซ่อมสร้างตัวเอง เป็นการกระตุ้นสเต็มเซลล์ของตัวเอง ซึ่งจะไม่เหมือนพวกฟิลเลอร์ (Filler), โบท็อกซ์ (Botox), อัลเธอร่า (Uthera) ที่สาวๆคุ้นเคยรู้จักกันดีอยู่แล้วนะ”

 

Image

 

“ในอดีตเมื่อมีปัญหาริ้วรอยร่องลึก สิ่งที่ใช้ในการแก้ไขปัญหานี้ก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็ม ซึ่งสารเติมเต็มที่ว่านี้ก็คือสารไฮยาซึ่งอยู่ในบริเวณผิวหนังชั้นล่าง (Dermis) เป็นสารอมน้ำ ที่ทำหน้าที่คอยยึดจับโปรตีนคอลลาเจนเข้าไว้ด้วยกัน ถ้าหากมีไฮยาสมบูรณ์ มันจะช่วยให้ผิวหนังสามารถเก็บกักความชุ่มชื่นได้มากกว่า ทำให้ผิวหนังดูแน่น เนียน และชุ่มชื้น 

แต่สำหรับเทคนิคแวมไพร์นั้น มันมีความก้าวหน้ากว่า ตามที่บอกด้วยกรรมวิธีทาง Biotechnology ขั้นสูง ทำให้เกิดการสร้างเซลล์ในแบบโกรธแฟคเตอร์ เกิดการสร้างมวลของผิวหนัง ทั้งคอลลาเจน อีลาสติน และไฮยา ไปพร้อมๆ กันด้วยตัวเอง หากเฉพาะตัวไฮยามีแต่เติมเต็ม ไม่ซ่อม แต่แวมไพร์มันซ่อมเซลล์ให้เราด้วย ใช้เซลล์ตัวเองซ่อมเซลล์ตัวเอง ได้ผลที่ดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้ยาวนานขึ้นแต่ถ้ากรณีตีนกาเยอะๆ ควรใช้วิธีฉีดโบท็อกซ์มากกว่า แต่ถ้าริ้วรอยเล็กๆ ฉีดเทคนิคแวมไพร์จะเหมาะกว่า เพราะจะดูเป็นธรรมชาติกว่า แสดงสีหน้าได้ด้วย”

 

แล้วถ้าเคยฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์มาก่อนแล้ว จะยังคงทำแวมไพร์ เฟส ลิฟต์ ได้อยู่ไหมนะ??

Image (1)

“ได้ เป็นไปได้ด้วยว่าทำให้โบท็อกซ์/ฟิลเลอร์ที่คุณฉีดมีผลอยู่นานขึ้น ส่วนอัลเธอร่าเป็นการยกกระชับ แต่แวมไพร์ตัวนี้เป็นการซ่อมเซลล์ฟื้นฟู คนละคอนเซ็ปต์ ช่วงนี้รู้สึกผิวแย่จังเลย ไม่ใส มีริ้วรอยเล็กๆ รูขุมขนหยาบ ผิวดูไม่มีน้ำไม่มีนวล มาทำแวมไพร์จะเหมาะ เพราะมันไม่ได้กระชากแบบอัลเธอร่า ทำแวมไพร์แล้วหน้าจะดูฟูๆ ขึ้น อย่างเช่น บางจุดบางตำแหน่งเริ่มห้อย พอมาฉีด ผิวหน้าก็จะดูฟูขึ้น เป็นการสร้างเซลล์ใหม่ เหมาะสำหรับคนต้องการฟื้นฟูสภาพผิว ให้ใบหน้าสวยใสเป็นธรรมชาติ”

 

มาดูกระบวนการในการทำบ้างดีกว่านะคะ

Image (2)

“ในกระบวนการทำแวมไพร์ เฟซ ลิฟต์ เริ่มจากพยาบาลมาเจาะเลือดสดๆ ของคนไข้ และนำไปเข้าห้องแล็ปทำการปั่นแยกตามกรรมวิธี Biotechnology
ระหว่างนั้นพยาบาลก็เข้ามาทำความสะอาดใบหน้าและทาครีมยาชาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ รอประมาณ 45 นาที หมอก็จะเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาที่มีเลือดของคนไข้คนนั้นปั่นมาเรียบร้อยแล้ว  

“ฉีดทั้งหน้าเลย เพราะต้องการซ่อมทั้งใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ และฉีดเยอะหน่อยตรงที่ปัญหาเยอะ อย่างเช่น ใต้ตา ร่องปาก ฯลฯ ให้มีปัญหาน้อยลง ใช้เวลาฉีดพรมทั่วใบหน้ายาวไปถึงลำคอไม่เกิน 20 นาที กรณีใครยังรู้สึกเจ็บเวลาโดนเข็ม หมอก็จะทำการฉีดยาชาให้เพิ่มเติม

ทำเสร็จอาจมีจุดบวมช้ำนิดหน่อย ซึ่งไม่มีอันตรายใดๆ แค่เห็นเป็นรอยจุดๆ บนใบหน้า อย่างน้อย 3-5 วัน แต่ต้องใส่ใจระมัดระวังการติดเชื้อหน่อยนะคะ เนื่องจากเข็มที่จิ้มลงไป เหมือนเป็นการเปิดทางให้เชื้อโรคเข้าไปได้ บางคนอาจมีสิวขึ้นเล็กๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสะอาดส่วนตัวค่ะ

หลังจากทำแวมไพร์ เฟซลิฟ ผ่านไปแล้ว 2-3 สัปดาห์ ร่างกายจะผลิตและเสริมคอลลาเจนขึ้นใหม่ ทำให้ริ้วรอยค่อยๆ กลับตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

 

นอกจากนี้คุณหมอยังทิ้งท้ายไว้อีกนิดหนึ่งเพื่อสาวๆด้วยนะจ๊ะ

Kim-Kardashian-Vampire-facelift-2

“สาวใดทำแวมไพร์แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปทำเลเซอร์ทรีตเมนต์ฟื้นฟูอะไรอีก เพราะผลจากการดูดเลือดของตัวเองฉีดเข้าไปบนหนังหน้าลำคอตัวเอง จะทำให้สวยเด้งยาวถึง 15 เดือน เพียงใส่ใจสุขภาพออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยให้เกิดการหลั่งฮอร์โมน ผลการรักษาก็จะยิ่งนานขึ้น”

 

ความสวยมันอาจจะทำให้เราเจ็บตัวบ้าง แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันจะต้องคุ้มค่าแน่ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนจะตัดสินใจซื้อคอร์สทำก็คือสาวๆต้องหาข้อมูลให้แน่วแน่เกี่ยวกับวิธีการ ผลดีผลเสีย และคลินิคที่เปิดทำก่อนนะคะ สาวๆคนไหนกำลังคิดจะทำหรือเคยทำไปแล้วก็มาเล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ ถือว่าเป็นการแชร์ข้อมูลให้กันและกันนะจ๊ะ

 

เรียบเรียงโดย raraROBYN

ที่มา manager