รู้จักน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ dexron ii ตัวจริงเรื่องการขับขี่

การขับขี่บนท้องถนน นอกจากความพร้อมของผู้ขับขี่แล้ว ความพร้อมของรถยนต์ เครื่องยนต์ ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่ไม่ควรละเลย และต้องหมั่นตรวจสอบสถานะของแต่ละอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหากต้องเดินทางระยะไกล หรือไปในสถานที่ไม่มีอู่ซ่อมหรือศูนย์บริการ แต่ในหลายข้อจำกัดต่าง ๆ ได้ถูกปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ซึ่งมีการผลิตรถยนต์ใหม่ ๆ ที่ได้นำเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยในการขับขี่ให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยลดภาระการดูแลไปได้อีกเยอะ หนึ่งในเทคโนโลยีที่เชื่อว่ารถเกือบทุกคันรุ่นใหม่ต้องมีคือระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ ซึ่งจะช่วยให้การขับขี่คล่องตัวมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญของการใช้งานคือต้องหมั่นตรวจสอบน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ dexron ii อย่างสม่ำเสมอ

รู้จักระบบพวงมาลัยเพาเวอร์

สำหรับรถยนต์ในอดีตและปัจจุบัน นอกจากเรื่องรูปทรงที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ่งเชิงแล้ว การนำเอานวัตกรรมที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาเสริมสมรรถนะเรื่องการขับขี่ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่หลายคนให้ความสนใจ ซึ่งระบบพวงมาลัยเพาเวอร์นับว่าเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่หลายคนให้ความชื่นชอบเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นระบบที่เข้ามาช่วยผ่อนแรงให้ผู้ขับขี่เวลาหมุนพวงมาลัยไปในทิศทางต่าง ๆ โดยเฉพาะการหักเลี้ยวพวงมาลัยในพื้นที่แคบ ๆ จะช่วยได้ให้หมุนพวงมาลัยได้สะดวกขึ้นนั่นเอง ซึ่งการดูแลรักษาให้ระบบพวงมาลัยนี้ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น ควรหมั่นตรวจเช็กกับผู้เชี่ยวชาญเป็นประจำ รวมถึงหมั่นเปลี่ยนน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ตามระยะทางที่กำหนด โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็น Dexron II, Dexron III, หรือ Dexron VI

ความสำคัญของน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ Dexron II,

จะเห็นได้ว่าตระกูลน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ในกลุ่ม Dexron เช่น Dexron II, Dexron III, หรือ Dexron VI จะเป็นที่นิยมในกลุ่มใช้รถเป็นอย่างมาก ด้วยคุณภาพที่ดี จึงช่วยให้การขับขี่มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักดีพอ ตามมาดูข้อดีได้ดังนี้

  • ช่วยปกป้อง และเสริมกำลังให้ระบบขับขี่ทำงานได้อย่างดีเยี่ยม
  • มีคุณสมบัติสามารถทนความร้อนและแรงเฉือนได้ดี
  • ช่วยลดแรงเสียดทานและการสึกหรอของระบบพวงมาลัย
  • ช่วยลดเสียงการสั่นสะเทือนในระบบส่งกำลัง
  • สามารถช่วยป้องกันสนิม และการกัดกร่อนได้เป็นอย่างดี

ข้อควรระวังสำคัญที่ต้องหมั่นตรวจเช็กเป็นประจำ

ถึงแม้ว่าน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ Dexron II จะขึ้นชื่อเรื่องมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่ข้อสำคัญของการบำรุงรักษาระบบพวงมาลัยให้ใช้งานได้อีกยาวนานคือการหมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ ซึ่งจะสามารถเปลี่ยนได้ในทุกๆ 20,000, 40,000 หรือ 80,000 กิโลเมตร ตามแบบรุ่นและประเภทของรถยนต์แต่ละคัน รวมถึงในทุกการขับขี่ไม่ควรหักพวงมาลัยจนสุดและค้างทิ้งไว้ เพราะน้ำมันเพาเวอร์จะไม่สามารถไหลไปไหนได้ และจะทำให้ระบบของพวงมาลัยเพาเวอร์เกิดความเสียหายได้นั้นเอง

Comments

คอมเม้นกันหน่อย