เลือกคู่ครองยัง (ไม่) ได้ดั่งใจ เปลี่ยนมาเลือกธนาคารที่ “ใช่” และ ให้ “มากกว่า”

นี่คือยุคที่ผู้บริโภคคือผู้กุมอำนาจทุกสิ่งอย่างไว้มากกว่าครั้งไหนๆ ในประวัติศาสตร์ และอำนาจเงินก็ดูเหมือนจะมีอิทธิพลกับทุกอย่างเช่นกัน เมื่อเราต้องการสร้างความปลอดภัยให้กับเงินของเราหรือมุ่งทำให้เงินของเราออกดอกออกผล ก็ต้องใช้บริการธนาคารที่เชื่อถือได้ แต่ธนาคารบ้านเราก็มีมากมายเหลือเกิน ดังนั้นถ้าจะฝากเงินทั้งที เลือกธนาคารที่ดีจะมีหลักเกณฑ์ในการเลือกอย่างไร ลองเอาสูตร “เลือกคู่ครอง” มาปรับใช้ดูสิ

.

#เลือกคนที่ “รู้ใจ” เรามากที่สุด…ธนาคารที่ใช่ คือธนาคารที่เข้าใจไลฟ์สไตล์ของเรา และนำเสนอโซลูชั่นหรือรูปแบบการบริการทางการเงินโดยไม่มีอะไรแอบแฝงซ่อนเร้น 

คู่ครองที่ดีต้องแสดงความจริงใจออกมา ธนาคารก็ต้องเผยความจริงใจใส่ความกล้า ประกาศให้โลกรู้เช่นกัน เพราะกว่าจะมาถึงจุดที่ทั่วบ้านทั่วเมืองโปรโมทว่าฟรีค่าธรรมเนียม กด โอน เติม จ่าย ไปทั่วเหมือนตอนนี้ ก็ต้องรอให้เทคโนโลยีดิจิทัลหรือมีอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งมารองรับโดยสมบูรณ์เสียก่อน ถึงจะทำได้ แล้วจะเลือกคู่ชีวิตที่ดาษดื่นเหมือนคนอื่นไปทำไม ในเมื่อมีธนาคารที่เป็นผู้นำเรื่องนี้มาก่อนและถูกยกให้เป็นที่หนึ่งด้านธนาคารที่ “ไร้ค่าธรรมเนียม” ชูความสะดวกสบายที่สุดให้กับลูกค้าเป็นเจ้าแรก

.

#เลือกคนที่ “คิดถึง” คนในครอบครัวรอบตัวเรา…อีกปัจจัยหนึ่งที่จะใช้พิจารณาเลือกธนาคารให้เหมือนเลือกคู่ครอง นั่นคือ ธนาคารต้องมองกว้างและลึกไปถึงปัจจัยการใช้ชีวิตของลูกค้า เล็งเห็นความต้องการที่ซ่อนตัวอยู่ โดยเฉพาะเหตุผลในการใช้เงิน

หลายคนมีภาระค่าใช้จ่ายสูงทั้งของตนเอง และยังต้องดูแลพ่อแม่ พี่น้อง สามีภรรยา หรือแม้กระทั่งคนรัก จึงไม่มีเงินเก็บ ยากที่จะบริหารจัดการเงินออมให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งสร้างหลักประกันในชีวิตได้ยาก และไม่มีเงินเพียงพอสำหรับเกษียณเพื่อใช้จ่ายในอนาคตได้ ธนาคารที่ดีต้องคิดถึงเรื่องนี้ แล้วหาโซลูชั่นมาช่วยแบ่งเบาภาระของลูกค้าเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตแบบไร้ความกังวล สร้างคุณค่าของบัญชีเพื่อเติมเต็มความต้องการของลูกค้าในช่วงเวลาต่างๆ  โดยไม่สร้างภาระหรือไม่ต้องจ่ายเพิ่มเติม แล้วเปลี่ยนมาเป็นการเพิ่มสิทธิประโยชน์ที่มากขึ้นให้ลูกค้าเข้าไปอีก

.

#เลือกคนที่ให้เรา “มากกว่า” คนอื่น…ไม่ใช่แค่ข้อเสนอที่ดีที่สุดหรือให้ผลตอบแทนมากที่สุดเท่านั้น ธนาคารที่ดีต้องทำให้เรารู้สึก “พึงพอใจสูงสุด” เมื่อใช้บริการ ซึ่งการได้รับสิ่งที่เกินกว่าที่คาดหมายไว้ หรือทำให้ลูกค้าได้มากกว่าที่เคยได้ นี่สิถึงจะเรียกว่า “ใจถึง พึ่งได้”

ในเมื่อใครๆ ก็ฟรีค่าธรรมเนียมกันหมดแล้ว แล้วจะเลือกที่ให้ฟรีเท่ากันไปทำไม จะดีกว่าไหมถ้า “ฟรีทั้งหมดทุกอย่าง” ไปเลยแถมยังให้หลักประกันเราได้อีก เช่น ประกันอุบัติเหตุในวงเงินคุ้มครองสูงถึง 20 เท่าของเงินฝาก และการประกันความคุ้มครองสำหรับนักชอปออนไลน์ที่ยังไม่มั่นใจว่าของที่สั่งไปอาจสูญหายหรือไม่ได้ตรงสเป็ค ด้วยการคืนเงินตามจริง และไม่ใช่แค่ให้มากกว่า แต่ต้องทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายหยุมหยิมอื่นๆ ได้ “ถูกกว่า” ด้วย อาทิ เรทหรืออัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่ถูกที่สุด ไม่ชาร์จค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินเพิ่ม (FX Rate) 2.5% และไม่เสียค่าธรรมเนียมรูดจ่ายผ่านบัตรเดบิตเมื่อใช้จ่ายในต่างประเทศ เป็นต้น

ทุกครั้งที่เราเลือก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ ก็ควรเลือกด้วยเหตุผลมากกว่าอารมณ์ ความถูกใจประเดี๋ยวประด๋าวอาจทำให้เขาอยู่กับเราได้ไม่นาน เช่นเดียวกับการฝากเงินไว้ในธนาคาร ขอให้ดูที่ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ยาวนาน และเลือกจากความขยันหมั่นเติมความหวาน ด้วยโซลูชั่นที่เต็มไปด้วยความเข้าใจความต้องการของเราจริงๆ

Comments

คอมเม้นกันหน่อย