ถ้าพูดถึงอุปกรณ์ในการแต่งหน้า เชื่อได้เลยว่า “แปรงแต่งหน้า” (Brush) ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ แต่จะว่าไปแล้ว แปรงแต่งหน้าทุกวันนี้ก็มีหลายประเภท หลายรูปแบบ หลายขนาด ซึ่งถ้าจะให้แบ่งกันจริง ๆ ก็มีเยอะเหมือนกันนะ แล้วแต่ละอย่างแตกต่างกันยังไง ต้องซื้อแบบไหน สาวมือใหม่หัดแต่งหน้า คงจะงงกันไม่ใช่น้อย ยิ่งแต่งหน้าไปนานๆ จะยิ่งรู้ได้เลยว่าแปรงแต่ละชนิดทำให้อารมณ์หลังแต่หน้าออกมาให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันมาก แต่สำหรับสาวๆที่ไม่ได้เน้นความละเอียดในการแต่งหน้าเท่าไรก็ควรมีแปรงพื้นฐานพกไว้สัก 2-3 แปรง เช่น แปรงปัดแก้ม และแปรงปัดแป้งฝุ่น แล้วแปรงแต่งหน้าประเภทไหนที่ควรมีจริง ๆ บ้างนั้น เรามาดูไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ !!!

คุณภาพของแปรง

วิธีการดูว่าแปรงนั้นมีคุณภาพหรือไม่คือถ้าสัมผัสบนผิว อย่างขนแปรงดีๆ นี่จะนุ่มมากเมื่อสัมผัสแล้วไม่รู้สึกสากๆ และใช้นิ้วลองไล้ขนแปรงดูว่าหลุดร่วงง่ายหรือเปล่า เพราะอย่าลืมว่าเราต้องทำความสะอาดแปรงอยู่เสมอนะคะ ถ้าหากขนแปรงหลุดร่วงง่ายทำความสะอาดไม่กี่ครั้งก็พังแล้วค่ะ

แปรงขนสัตว์ หรือ ขนสังเคราะห์ดีกว่ากัน ? 

แปรงแต่งหน้าขนสัตว์ : ส่วนใหญ่จะทำมาจากขนกระรอก ขนแพะ ขนม้าแคระ หรือขนตัว Badger ความพิเศษของแปรงจากขนสัตว์คือ บริเวณขนจะมีเกล็ดขนเป็นชั้น ๆ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ลักษณะคล้ายเกล็ดเส้นผมของเรา ซึ่งเกล็ดที่ว่านี้จะช่วยจับผงของเครื่องสำอางได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการใช้เครื่องสำอางแบบฝุ่น เช่น อายแชโดว์ บลัชออน และแป้งฝุ่น

แปรงแต่งหน้าขนสังเคราะห์ : แปรงชนิดนี้ทำขึ้นเพื่อเลียนแบบแปรงขนสัตว์ แต่ยังไม่สามารถทำให้ขนแปรงมีเกล็ดขนเช่นเดียวกับแปรงขนสัตว์ได้ ข้อดีของแปรงชนิดนี้คือมีเส้นใยที่เรียงตัวอัดแน่นกัน ทำให้แปรงมีความเหนียว ยืดหยุ่น ไม่เสียรูปง่าย ด้วยความที่ไม่มีเกล็ดขน ทำให้ความสามารถในการจับผงเครื่องสำอางทำได้ไม่ดีเท่าขนสัตว์ แต่เหมาะสำหรับใช้กับผลิตภัณฑ์ประเภทครีมหรือน้ำ เช่น รองพื้น คอนซีลเลอร์ และอายไลเนอร์เนื้อเจล 

ประเภทของแปรงแต่งหน้า 

แปรงแต่งหน้าสำหรับลงรองพื้นและคอนซีลเลอร์ เป็นแปรงที่มีหลากหลายรูปแบบมากค่ะ วิธีสังเกตง่าย ๆ ว่าแปรงลงรองพื้นแบบไหน ควรใช้อย่างไร ให้สังเกตที่หัวแปรงค่ะ เริ่มตั้งแต่แปรงหัวแบน เป็นแปรงที่ได้รับความนิยมในการลงรองพื้น เพราะสามารถใช้ได้ทั่วใบหน้า หัวแปรงหนาทำให้กินเนื้อรองพื้นอยู่บ้าง มีข้อดีคือเกลี่ยง่ายและรวดเร็ว ควรใช้แบบลากสั้น ๆ บนผิว ไม่ควรลากยาวไปทั้งหน้า เพราะจะทำให้รองพื้นเป็นเส้นได้

แปรงแต่งหน้าหัวตัด เหมาะแก่การลงรองพื้นแบบ Tap เบา ๆ ที่ผิวหน้า เพื่อให้ลุคบางเบาเป็นธรรมชาติ และยังมีแปรงหัวตัดแบบเฉียง แปรงแบบนี้จะช่วยให้ง่ายต่อการควบคุมทิศทาง หรือต้องการลงผลิตภัณฑ์ให้เป็นเส้นชัดเจน เช่น ลงคอนซีลเลอร์บริเวณใต้คิ้ว

Cheek Brush แปรงแต่งหน้าสำหรับปัดแก้มมีวิธีการเลือกใช้งาน คล้ายกับแปรงสำหรับลงแป้งเลยค่ะ แปรงแต่งหน้าชนิดนี้นอกจากใช้ลงแก้มแล้วยังสามารถใช้ลงบรอนเซอร์ได้อีกด้วย แปรงที่เป็นทรงพุ่ม ๆ เหมาะแก่การปัดบลัชออนให้ดูฟุ้ง ๆ ในขณะที่ถ้าปลายแปรงเป็นหัวตัดแบบเฉียง จะง่ายต่อการลงทั้งบลัชออนและบรอนเซอร์ เพราะมุมของแปรงรับกับรูปหน้า สามารถกำหนดทิศทางของสีได้ง่าย 

Eyeshadow Brush แม้ตาจะเป็นจุดเล็ก ๆ บนใบหน้า แต่แปรงสำหรับทาตามีหลากหลายมากค่ะ โดยสามารถแบ่งออกได้ง่าย ๆ 2 ประเภท คือ แปรงสำหรับปัดและแปรงสำหรับเกลี่ยสี แปรงปัดหัวแบนเริ่มตั้งแต่ไซซ์ใหญ่สุดเหมาะกับการลงสีที่เบ้าตาเป็นบริเวณกว้าง ขนาดกลางใช้ลงสีเฉพาะส่วน เช่น บริเวณกลางตา และขนาดเล็ก นิยมใช้ลงสีในที่แคบอย่างบริเวณหัวตา หรือส่วนที่ใกล้โคนขนตา ส่วนแปรงสำหรับเกลี่ยสีนั้นนิยมใช้ทรงพุ่มขนาดใหญ่และแปรงทรงกระบอก มักใช้ในขั้นตอนสุดท้ายของการแต่งตา นอกจากนี้ยังมีแปรงแบบหัวกลมทรงสั้น เหมาะสำหรับการเกลี่ยอายแชโดว์บริเวณหางตาอีกด้วย

Lips Brush แปรงสำหรับทาลิปนั้นแบ่งได้ใหญ่ ๆ เป็น 2 ประเภทคือ แปรงหัวกว้าง นิยมใช้ทาริมฝีปาก เพราะสามารถกลบร่องริมฝีปากได้ง่ายและรวดเร็ว แปรงอีกประเภทหนึ่งคือ แปรงหัวเล็ก นิยมนำมาวาดเส้นขอบปาก และยังสามารถใช้ปัดลิปสติกที่เลอะออกได้ด้วย การทาลิปลงไปบนริมฝีปากตรง ๆ กับใช้แปรงนั้น มีความแตกต่างระหว่างการกันคือ เส้นจะคมกว่า สามารถกำหนดขอบเขตของสีได้ดีกว่า เหมาะสำหรับวันที่ต้องการลุคที่เนี้ยบ และเน้นรูปปากแบบชัดเจนค่ะ

สำหรับตัวอย่างแปรงทั้งหมดที่พูดถึงนั้นเราไม่จำเป็นต้องมีทุกชิ้นก็ได้ค่ะ เราควรรู้ก่อนว่าทุกวันเราแต่งหน้ามากน้อยแค่ไหน ชิ้นไหนเกินความจำเป็นของเราก็ไม่ต้องค่ะ ถ้าเรามัวแต่มองคนแต่งหน้าเก่งๆ ว่าเค้ามีแปรงแบบนั้นแบบนี้ ก็จะสิ้นเปลืองเปล่าๆ เลือกชิ้นที่เราใช้ได้จริง และลงทุนกับแปรงดีๆ ไม่ต้องไปยกเซ็ทมาไว้ที่บ้าน ถึงวันนั้นถ้าคุณรู้ความต้องการของคุณแล้วจะซื้อก็ยังไม่สายจริงมั้ยคะ ^^