6 สูตรลับ!! ทารองพื้นให้สวยเนียน ให้เหมือนผิวเนียนธรรมชาติ!!

ทำไมช่างแต่งหน้าหรือเมคอัพอาร์ททิสทั้งหลายถึงลงรองพื้นได้เนียนจัง?! วันนี้ Girlsallaround มาช่วยสาวๆแก้ข้อสงสัยกันแล้วล่ะ เพราะรองพื้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะทาๆก็เนียนนะจะบอกให้ มันมีเคล็ดลับ!!

 

1.มีรองพื้นอย่างน้อย 2 เฉดสี

บางทีเฉดของผิวจริงเรามันก็ไม่เท่ากันนะจ้ะสาวๆ โดยเฉพาะสาวๆที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือเล่นกีฬา หน้าผากหรือโหนกแก้มอาจจะมีสีเข้มกว่าช่วงคางและกราม ดังนั้นต้องมี2สีเซฟไว้ก่อน กันหน้าลอยนะจ้ะ อิอิ

78167796d3e9d44596d93b2fc0392d8b (Copy)

 

 

2.เชคสภาพผิวของเราก่อนจะเลือกซื้อรองพื้น

สาวๆควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับสภาพผิวของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ แป้ง หรือ รองพื้น ถ้าเป็นสาวผิวมันก็ควรเลือกสูตรควบคุมความมัน ถ้าเป็นสาวผิวแห้งก็ควรเลือกสูตรที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิว จะช่วยให้การแต่งหน้าง่ายขึ้นและลดการเติมแป้งระหว่างวันนะจ้ะ

types-of-foundation (Copy)

 

 

3.ใช้แปรงแบบ Domed Brush ในการเกลี่ย

ทุกส่วนของใบหน้าเราไม่ได้ต้องการรองพื้นในปิรมาณที่เท่ากันนะจ้ะ บางส่วนก็ต้องการมาก บางส่วนก็แทบจะไม่ต้องการเลย ดังนั้นแปรงที่ง่ายต่อการเกลี่ยและเนียนไม่ทำให้ดูหนาหรือเบาไปนั่นก็คือแปรงแบบ Domed จ้าา 

how-to-apply-foundation-tutorial-2a (Copy)

41qM37yz43L._SY355_ (Copy)

 

 

4.เกลี่ยนรองพื้นลงเสมอ หรือแนวเดียวกับรูขุมขนนั่นเอง

การเกลี่ยไปแนวเดียวกับรูขุมขน จะช่วยปกปิดรูขุมขนได้ดีกว่านะ

shutterstock_118242388 (Copy)

 

 

5.เริ่มลงรองพื้นจากตรงกลางเสมอ

บริเวณกลางหน้าผาก จมูก และ คาง เป็นส่วนกลางของหน้า สาวๆควรเริ่มเกลี่ยรองพื้นออกจากบริเวณนี้ เพราะบริเวณนี้เป็นบริเวณที่ต้องการการปกปิดมากที่สุด 

0gemengde-huid-tzone (Copy)

 

 

6.ลงแป้งบริเวณ T-zone

การลงรองพื้นก็เพื่อให้ใบหน้าเราดูเนียนใส แต่ถ้ามากเกินไปก็จะดูแปลกตาเหมือนว่าเราเมคอัพมาหนา ความจริงแล้วส่วนที่ต้องการแป้งมีเพียงแค่บริเวณT-zone นั่นก็คือ หน้าผาก จมูก คางและโหนกแก้มด้านบน สาวๆไม่จำเป็นต้องลงแป้งพัฟให้หนาฟุ้งไปทั้งหน้า เพียงแค่บริเวณนี้ก็พอแล้ว

tzone (Copy)

 

 

เทคนิคง่ายๆที่จะช่วยให้สาวๆทารองพื้นได้แบบมือโปร ก็ง่ายแค่นี้เองจร้าาา ไม่จำเป็นต้องลงให้หนาเตอะ เพียงแค่สาวๆรู้วิธีใช้ที่ถูกต้อง รับรองง่ายกว่าและประหยัดกว่าเป็นไหนๆเลยน้าา อิอิ

 

แปลและเรียบเรียงโดย poppypoppy

 ที่มา  womenshealtmag