Low-Carb หรือ Low-Fat ลดน้ำหนักแบบไหนจะได้ผล??

อาหารคาวหวานทั้งไทยและเทศทุกวันนี้ที่มีหน้าตาและสีสันยั่วยวนใจน่ากินซะเหลือเกิน อาจจะทำให้สาวๆหลายๆคนพลั้งปากกินแบบไม่ยั้งคิดกันได้ แล้วปัญหาที่ตามาก็คือเจ้า’น้ำหนัก’ที่พุ่งปรี๊ดๆขึ้นมานี่แหล่ะค่ะ

สำหรับสาวๆที่กำลังคิดจะไดเอตอยู่แล้วสงสัยว่า จะเลือกลดบริโภคอะไรดีในมื้ออาหารระหว่างแป้งและไขมัน? วันนี้ Girlsallaround.com มีคำตอบค่ะ

1(1)

 

จากรายงานวิจัยของ  Annals of Internal Medicine เผยว่าการลดบริโภคแป้งนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับการควบคุมไขมันจะทำให้การลดน้ำหนักของสาวๆมีประสิทธิภาพมากกว่า

โดยทำการศึกษาในการสุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย Tulane ที่เป็นโรคอ้วนแต่ยังไม่มีโรคแทรกซ้อน เช่น เบาหวาน หรือ คอเรสเตอรอลสูงจำนวน148คน พบว่าผู้ทดลองที่ทานอาหาร low-carb สามารถลดน้ำหนักได้ 7.7 ปอนด์มากกว่าคนที่ทานอาหาร low-fat

 

คำถามต่อมาที่สาวๆอาจจะสงสัยกันก็คือแล้วมากแค่ไหนถึงจะพอดี? จากผลวิจัยแนะนำว่าปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่เหมาะสมต่อวันสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ควรทานประมาณ 135-195 กรัม ต่อวัน (แล้วแต่กิจกรรมในแต่ละวัน) 

แต่การนับปริมานคาร์โบไฮเดรตก็อาจจะเกินความสามารถไปสะหน่อย วิธีที่ง่ายกว่าการนับคาร์บก็คือการพิจารณาว่าแป้งที่ทานเข้าไปคือน้ำตาลเชิงเดี่ยว (simple carbohydrate)หรือน้ำตาลเชิงซ้อน (complex carbohydrate)

Assorted Carbohydrate Sources Spelling Out 'Carbs'

 

น้ำตาลเชิงเดี่ยว (simple carbohydrate) ซึ่งได้จากจากผลไม้, น้ำหวาน, น้ำตาลในเค้ก, ไอติม, ขนมปังขาว ฯลฯ เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่าย ใช้พลังงานในการย่อยน้อย ดังนั้นถ้ากินมากไปแล้วยิ่งไม่ออกกำลัง ก็อาจทำให้พุงบังขา หน้าบาน เหนียงดันคาง คางดันแก้มจนดั้งจม ตาปิด จนคนทักผิดเป็นพะยูนได้

 

3(1)

 

ส่วนน้ำตาลเชิงซ้อน (complex carbohydrate) จะได้จากธัญพืช, ข้าวโอ๊ต, ข้าวกล้อง, โฮลวีต, โฮลเกรน, กากใยผักผลไม้ (ไฟเบอร์) ฯลฯ เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยยาก ใช้พลังงานในการย่อยมาก ให้พลังงานช้า กินน้อย อิ่มนาน กากใยมาก ทำให้ขับถ่ายสะดวก

4

 

งานนี้ เห็นทีว่า ถ้าจะอดก็คงต้องเครียด แถมถ้าปล่อยตัวก็คงเป็นหมู เอาเป็นว่า ลองหันมาสร้างเสริมพฤติกรรมการกินให้ถูกต้อง ทานอาหารให้ครบ5หมู่ และบวกกับการออกกำลังกาย น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

ที่มา womenshealthmag