หายใจเข้าลึกๆ!! 5 วิธีง่ายๆ รักษาอาการ ‘คิดมาก’ กับทุกๆเรื่อง!!

Angry young business woman in glasses strong screaming with wild open mouth and holding head the hands. Toned closeup portrait

สวัสดีค่ะสาวๆชาว Girlsallaround ทุกท่าน สาวๆคนไหนเป็นโรคคิดมาก คิดหนัก เก็บเอามาเครียดอยู่คนเดียวเป็นประจำบ้างคะ?! มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสภาพจิตใจและสภาพร่างกายเอามากๆ วันนี้แอดเลยหาวิธีรักษาอาการคิดมากมาให้สาวๆกัน

 

1. เปลี่ยนเรื่องคิดมากให้เป็นเรื่อง ‘ชั่วคราว’

การคิดมากกับเรื่องต่างๆนานามันมาแบบไม่ทันตั้งตัวค่ะ และเมื่อมันโผล่เข้ามาในสมองของเราแล้ว มันจะไม่หายไปไหน ดังนั้นเมื่อสาวๆรู้สึกเครียดหรือเริ่มคิดมาก ให้คิดให้ดีว่าเรื่องที่เราคิดมากอยู่ตอนนี้คือเรื่องอะไร จากนั้นให้คิดเสียว่ามันคือเรื่องชั่วคราว มันจะผ่านไป
overthink1 (Copy)


2. อย่าปล่อยให้สมองว่างจนหยิบเรื่องเดิมๆมาคิด

ลองทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมองเช่น เกมส์ในโทรศัพท์มือถือ หนังสืออ่านเล่น งานฝีมือต่างๆ เพื่อปล่อยวางสมองจากเรื่องคิดมากเดิมๆ ถ้าสาวๆมัวแต่นั่งคิดนอนคิด มันจะทำให้เกิดวงจรคิดมากขึ้น ดังนั้นเราต้องคิดอย่างอื่นแทน!!

overthink8 (Copy)


3. พูดคุยกับคนคิดบวก

หาเพื่อนคุยนี่แหละค่ะ ทางแก้ปัญหาที่ดี แต่เพื่อนคนนั้นต้องไม่ใช่พวกมองโลกในแง่ร้าย ชอบติฉินนินทา หรือเป็นพวกชอบซ้ำเติมนะ หาเพื่อนที่มีทัศนคติดีๆ ค่อยๆปรึกษาเขาไปก่อนที่เราจะคิดมากจนเสียความเป็นตัวเอง

overthink4 (Copy)


4. ขีดเส้นตายให้เรื่องราวต่างๆ

หากสาวๆคิดมากเรื่องการตัดสินใจ การเปลี่ยนแปลง หรือเรื่องอื่นๆ ให้ลองขีดเส้นตายให้เรื่องนั้นๆดูค่ะ เช่น ฉันจะคิดเรื่องนี้ 3 ชั่วโมง จากนั้นฉันจะปล่อยวาง ลองบอกเพื่อนๆหรือคนใกล้ตัวเกี่ยวกับเส้นตายนี้ดูค่ะ เราจะได้มีแรงสู้

overthink5 (Copy)


5.ท่องไว้ว่าทุกสิ่งไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟค

เรามักจะเครียดเพราะสิ่งนั้นไม่ได้ดั่งใจ ทำโน่นทำนี่พลาด นั่นก็ไม่ถูก นี่ก็ไม่ควร สาวๆควรท่องเอาไว้เสมอว่าเราอาจจะพลาดบ้าง ล้มบ้างก็ได้ ไม่มีอะไรบนโลกนี้เพอร์เฟค มันเป็นแค่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ และเราสามารถทำสิ่งที่ดีกว่าได้ในอนาค

Woman receiving bad news on smartphone. Image taken with NIKON D800 camera system and developed from camera RAW.

คิดมากไปบางทีก็ไม่ดีนะคะ ปลอยใจให้สบาย คลายความตึงเครียดในสมองลงบ้าง เพื่อสุขภาพใจและกายที่ดีของเรา

 

แปลและเรียบเรียงโดย Poppypoppy

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Gurl